Le Nozze di Figaro, ธีรื่องแห่งความรักและความสับสน

Le Nozze di Figaro, ธีรื่องแห่งความรักและความสับสน

“Le Nozze di Figaro”, หรือ “The Marriage of Figaro” ในภาษาอังกฤษ เป็นหนึ่งในโอเปร่า masterpieces ของโมซาร์ท (Mozart) ที่โด่งดังไปทั่วโลก นอกจากทำนองที่ไพเราะแล้ว โอเปร่าเรื่องนี้ยังได้ชื่อว่าเป็น “the pinnacle of opera buffa,” หรือยอดของโอเปราขบขัน ด้วยเนื้อหาที่ทั้งสนุกสนานและลึกซึ้งในคราวเดียวกัน

เบื้องหลังการกำเนิด: บทประพันธ์และยุคสมัยของโมซาร์ท “Le Nozze di Figaro” เกิดขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 18 ซึ่งเป็นยุคทองของดนตรีคลาสสิก โมซาร์ท (Wolfgang Amadeus Mozart) อายุเพียง 32 ปีขณะนั้น ได้รับการว่าจ้างให้แต่งโอเปร่าจากหุ้นส่วนของเขา Antonio Salieri และ librettist Lorenzo Da Ponte ซึ่งได้ดัดแปลงบทละคร “La folle journée, ou Le mariage de Figaro” ของPierre Beaumarchais

Beaumarchais เป็นทั้งช่างทำนาฬิกาและนักเขียนบทละครชาวฝรั่งเศส ผู้มีชื่อเสียงจากการแต่งเรื่องราวที่ต่อต้านชนชั้นสูงและศักดินา ซึ่งเป็นแนวคิดที่แปลกใหม่ในยุคนั้น “Le Nozze di Figaro” ดังนั้นจึงไม่ใช่โอเปร่าที่เรียบง่าย แต่เป็นการสะท้อนปัญหาสังคมที่ซับซ้อนของยุคสมัย

ตัวละครที่น่าจดจำ: ความรัก การหลอกลวง และการสู้รบ “Le Nozze di Figaro” มีตัวละครมากมายที่แต่ละคนมีบุคลิกและความต้องการต่างกัน

ตัวละคร รายละเอียด
Figaro ช่างแต่งผมที่ฉลาดและแสนรู้
Susanna สาวใช้ผู้จงรักภักดีต่อ Figaro
Count Almaviva ขุนนางเจ้าเล่ห์ผู้ต้องการครอบครอง Susanna
Countess Almaviva ภรรยาของ Count, เป็นคนใจดีและถูกทรยศ
Cherubino เด็กหนุ่มหล่อเหลาที่ตกหลุมรัก Countess

ตัวละครแต่ละตัวมีบทบาทสำคัญในการผลักดันเรื่องราวไปข้างหน้า

Figaro และ Susanna ซึ่งกำลังจะแต่งงานกัน ถูกขัดขวางโดย Count Almaviva ที่ต้องการชิง Susanna มาเป็นของตนเอง ตัวละครทั้งสองจึงต้องใช้ความฉลาดและกลยุทธ์แยบยลเพื่อเอาชนะ Count

Countess ก็ไม่ใช่ผู้ onlookers, หล่อนเสียใจและโกรธที่สามีทรยศ แต่หล่อนก็มีความเมตตาและพร้อมที่จะให้อภัยหาก Count รู้จักสำนึกผิด

ทำนองที่ไพเราะ: บทเพลงที่น่าจดจำ

“Le Nozze di Figaro” เต็มไปด้วยบทเพลงที่ไพเราะและเป็นที่นิยม ตัวอย่างเช่น:

  • “Voi che sapete”: Cherubino ร้องเพลงนี้แสดงถึงความรักและความสับสนของตน
  • “Dove sono”: Countess ร้องเพลงนี้เพื่อระบายความเสียใจที่สามีไม่ซื่อสัตย์
  • “Non più andrai”: Figaro ร้องเพลงนี้ในฉากที่หลอก Count

ทิ้งท้าย: ความเป็นอมตะของ “Le Nozze di Figaro”

“Le Nozze di Figaro” ไม่ใช่แค่โอเปร่าเรื่องหนึ่ง แต่เป็นผลงานศิลปะที่ไร้กาลเวลา โอเปร่าเรื่องนี้สอนให้เราเห็นถึงความซับซ้อนของมนุษย์ ความรัก ความหลอกลวง และการต่อสู้เพื่อความยุติธรรม

หากคุณมีโอกาสได้ชมโอเปร่า “Le Nozze di Figaro” ขอแนะนำอย่างยิ่ง!